ประเทศไทยเป็นประเทศที่รับสินค้าและวัฒนธรรมจากหลากหลายประเทศมาตั้งแต่สมัยอยุธยา อาจจะด้วยเหตุผลที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีสินค้าหลากหลายที่ประเทศอื่นไม่มีจึงดึงดูดให้นานาชาติอยากเข้ามาค้าขายด้วย และที่สำคัญคือคนไทยเป็นมิตร ไม่ว่าจะเป็นชาติใดเข้ามาเราก็ไม่ขัดขวางไม่ว่าจะเป็นการค้า การเผยแพร่ศาสนา(อาจมีเหตุผลที่ศักยภาพทางทหารด้อยกว่าประเทศอื่นด้วยทำให้จำยอมต้องรับในบางเรื่องที่เสียเปรียบ แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าเหตุผลที่คนไทยเป็นมิตรง่ายมีมากกว่า) อย่างที่ญี่ปุ่นในช่วงหนึ่ง มีการขัดขวางการเผยแพร่ศาสนาคริสต์ถึงขนาดที่ว่าฆ่ามิชชันนารีที่เผยแพร่และเผาสดผู้นับถือที่สวดภาวนาอยู่ในโบสถ์เลยทีเดียว
อาจด้วยเหตุนี้ทำให้คนไทยเป็นคนที่รับการเปลี่ยนแปลง รับการเข้ามาของวัฒนธรรมได้ง่าย แน่นอนว่าเป็นธรรมดาของมนุษย์ที่อยากจะหนีความจำเจในชีวิตประจำวัน การขายวัฒนธรรมหรือสิ่งของจากต่างชาติจึงทำได้ง่าย ในญี่ปุ่นเองก็ใช่ว่าวัยรุ่นจะไม่มีค่านิยมเลียนแบบวัฒนธรรมฝรั่งเพราะวัฒนธรรมฝรั่งหาซื้อได้ง่าย พบเจอได้ง่ายในชีวิตประจำวันเพียงแต่เราสังเกตว่าสิ่งที่วัยรุ่นญี่ปุ่นหลงไหลกลับเป็นวัฒนธรรมของตัวเอง วัยรุ่นญี่ปุ่นมากมายยังใฝ่ฝันจะได้แต่งกิโมโนสวยๆ ใส่ชุดฮากามะในพิธีจบการศึกษา งานเทศกาลดอกไม้ไฟในฤดูร้อนเราเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นแต่งชุดยูกาตะกันมากกว่าครึ่ง แม้แต่เสื้อผ้ายี่ห้อแพงๆของดีไซเนอร์ญี่ปุ่นยังมีเสื้อผ้าที่ดีไซน์ด้วยลวดลายแบบญี่ปุ่นและก็ขายได้ดีเสียด้วย
ส่วนหนึ่งเราคิดว่าสื่อมีผลมากทีเดียว โฆษณาของเจอาร์(บริษัทรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น)มักจะใช้การถ่ายภาพสถานที่ทางวัฒนธรรมต่างๆให้ดูสวยงามเกินจริง(เกินจริงมากๆขอย้ำ)เพื่อให้ดูน่าหลงไหล น่าไปเที่ยว อาหารญี่ปุ่นมีภาพลักษณ์ที่ดูงดงาม สวยน่ากิน(ทั้งๆที่จริงๆแล้วบางอย่างก็ไม่อร่อยเหมือนหน้าตา) ชุดกิโมโนเป็นสัญลักษณ์ของความงามแบบดั้งเดิม รายการโทรทัศน์ที่มีการเชิญดารา แขกรับเชิญมาก็ใส่ชุดกิโมโนออกรายการกันเป็นเรื่องปกติ มิวสิควีดีโอนักร้องวัยรุ่นบางวงก็มีใส่ชุดกิโมโนออกมาเต้นกัน วันปีใหม่รายการต่างๆก็จะใส่ชุดกิโมโนกันแทบจะทุกคน ในขณะที่รายการเมืองไทยน้อยนักที่จะเห็นดาราใส่ชุดไทยมาออกรายการ(ถ้าใครคิดว่าใส่แปลกมาสิแปลก นั่นแหล่ะคือค่านิยมของคนไทยในตอนนี้แล้ว)
เพราะสื่อต่างๆในเมืองไทยไม่นิยมใส่สิ่งที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยๆลงไป(อาจเป็นเพราะกลัวว่ามันขายไม่ได้) ทำให้เรารู้สึกว่าวัฒนธรรมไทย ชุดไทยๆดูมันห่างกับชีวิตประจำวันเหลือเกินดูเป็นสิ่งที่เอื้อมไม่ถึง ทำให้เราเริ่มที่จะค่อยๆลืมวัฒนธรรมไปเรื่อยๆ ไม่มีรายการไหน ไม่มีสื่อเล่มไหนที่แสดงภาพให้เรารู้สึกว่าการใส่ชุดไทย กินอาหารไทยมันดูน่าหลงไหล ดูดีมีระดับ ดูสวยถ้าจะโทษว่าเป็นจิตสำนึกของคนในชาติที่ต้องรู้สึกเอง เราว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ในโลกแห่งทุนนิยมที่การสร้างภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ จะให้เรามีจิตสำนึกว่าใส่ชุดไทยแล้วสวยดูดีแล้วใส่ชุดไทยไปเดินเล่นตามห้างในขณะที่คนอื่นคนมองเราว่าสติไม่ดีรึเปล่า
มาถึงจุดนี้ การเปลี่ยนค่านิยมโดยทันทีเป็นไปได้ยาก เพราะมันฝังรากมาค่อนข้างนานแล้ว แต่เราคิดว่ามันยังสามารถเปลี่ยนได้ โดยการทำให้มันดูเป็นไปได้ เข้ากับชีวิตประจำวันได้จริงๆ เป็นสิ่งที่แตะต้องได้ แล้วค่อยๆให้คนในชาติซึมซับไปเรื่อยๆ เช่นถ้ามีเสื้อผ้าที่ทำดีไซน์ออกมาโดยแทรกลายไทยเข้าไปให้มันสวยๆดูเข้ากันได้เราเองก็อยากจะซื้อมาใส่ หนังไทยที่ผู้สร้างมีความตั้งใจทำเราก็ดูเกือบทุกเรื่อง เราคิดว่ายังมีคนอีกเยอะที่คิดแบบเรา
ในตอนนี้เราว่าอาหารไทยก็เริ่มที่จะมีชื่อในหลายประเทศแล้ว อย่างที่นี่ร้านอาหารไทยมีเยอะมากและเป็นที่นิยมไม่น้อยขนาดว่าลงหนังสือลงทีวีก็พอสมควรทีเดียว เพื่อนคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทยกับเราหลายคนก็ติดใจอาหารไทยประเทศไทยขนาดจะกลับไปอีกหลายๆรอบเราคิดว่าตอนนี้เมืองไทยไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่เรื่อง วัดกับเซกส์หรอกค่ะ พี่เจ้าของร้านอาหารไทยที่เรารู้จักยังเคยพูดเลยว่าภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยประเทศที่มีอาหารไทยอร่อยขนาดที่ทำให้เค้ามีธุรกิจดังได้ขนาดนี้ เราเองก็คิดว่าไม่มีทางที่วัฒนธรรมไทยจะหายไปจากคนไทยได้หรอก เพียงแค่เราปรับมันให้เป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ และอยู่ร่วมกับชีวิตประจำวันให้มากกว่านี้ ให้เราค่อยๆซึมซับมันเข้าไปเอง โดยที่สื่อเองก็ต้องเป็นฝ่ายให้ความร่วมมือด้วยดีกว่าที่จะมาบังคับกันว่าถ้าไม่ทำไม่ใช่คนไทยไม่มีจิตสำนึกไทยอย่างที่สื่อชอบออกมาว่ากันอยู่ปาวๆในขณะนี้ แล้วท่านอื่นมีความเห็นกันว่ายังไงคะ
ปล.สิ่งนึงที่เราคิดว่าต่างกันระหว่างไทยกับญี่ปุ่นที่เราสังเกตได้คือ ญี่ปุ่นจะคิดว่าทำยังไงให้ของตัวเองขายได้เป็นที่นิยมซึ่งเค้าจะมีการค้นคว้าและต้องใช้เวลาในการค่อยๆซึมลงไป ในขณะที่ไทยจะคิดว่าทำยังไงให้เราขายได้และใช้เวลาไม่นานซึ่งแน่นอนว่าการรับของแปลกใหม่อย่างวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาย่อมขายได้ง่ายกว่าอยู่แล้ว โดยไม่คิดว่าจะปรับของๆเรายังไงให้ขายได้ ซึงมันก็เลยทำให้ของๆเราขายไม่ได้ซักทีและเราก็ต้องรับของใหม่ๆจากต่างชาติเข้ามาเรื่อยๆ
Credite by http://ringo.exteen.com/20041121/entry
ร่าง 0:48:00 โดย Fighjane ลบ
1 – 1 จาก 1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น